ในรถยนต์รุ่นใหม่บนท้องถนน นอกจากเซนเซอร์แบบเดิมๆ ที่เรารู้จักซึ่งใช้ววัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ ตรวจจับแรงกดในถุงลมนิรภัย และตรวจการหมุนของล้อในระบบ ABS แล้ว เทคโนโลยีเซนเซอร์ยังมีความสำคัญในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวรถ เปรียบเสมือนดวงตาที่สามที่คอยช่วยเหลือการขับขี่ เซนเซอร์เหล่านี้ถูกซ่อนไว้และทำงานโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ทำให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น
เราจะพาคูณไปรู้จักดวงตาที่สามใน BMW รุ่นใหม่ อาทิ Vehicle Radar, Ultrasonic, Cameras High Resolution และ Lidar ที่แต่ละประเภทมีข้อดีต่างกันและร่วมกันทำงานเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว
Ultrasonic
เซนเซอร์ที่ทำงานโดยการสะท้อนคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเดียวกับที่ค้างคาวใช้บินในถ้ำ เพื่อกะระยะวัตถุ ใช้ในฟังก์ชั่นการจอดรถ ระบบช่วยถอยหลัง และระบบจอดรถอัตโนมัติ อุลตร้าโซนิคแม่นยำมากในระยะใกล้ๆ ทำงานได้ทั้งในหมอกและความมืด
Cameras High Resolution
ทุกวันนี้กล้องมองหลัง และกล้องมองรอบคันช่วยให้พวกเราจอดรถง่ายขึ้น กล้องติดรถมีข้อดี คือทำงานด้วยความละเอียดที่สูงมาก และแยกความแตกต่างระหว่างวัตถุได้อย่างแม่นยำ เช่น สัญญาณไฟจราจร ระบุเส้นจราจร เตือนการขับรถออกจากเลนและการเบรกฉุกเฉิน
Vehicle Radar
ในบีเอ็มดับเบิลยูมีการใช้เรดาร์เซนเซอร์ในรถยนต์มานานแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเรดาร์แบบสองช่วงระยะ ใช้สำหรับวัดความเร็วและระยะทาง เรดาร์ระยะใกล้ติดตั้งที่มุมปลายกันชน มีรัศมีการทำงานสูงสุดประมาณ 330 ฟุต(100 เมตร) สำหรับเตือนการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเปลี่ยนเลน
เซนเซอร์เรดาร์ระยะไกลรัสมีสูงสุดประมาณ 820 ฟุต(250 เมตร) สำหรับเตือนคนเดินเท้าและคนขี่จักรยานอยู่ใกล้กับรถ ระบบเบรกฉุกเฉินและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับอัตโนมัติ ( ACC )
LiDAR
ระบบตาทิพย์แบบล่าสุด LiDAR (Light Detection and Ranging) ที่ทำงานโดยการยิงคลื่นแสงเลเซอร์ที่ส่งไปกระทบกับพื้นผิวเพื่อวัดระยะทาง สามารถสร้างแผนที่ 3 มิติของพื้นที่รอบรถได้ ปัจจุบัน LiDAR มีขนาดไม่ใหญ่โตเท่าแต่ก่อนและตนทุนการผลิตต่ำลงจึงสามารถนำมาติดในรถ ซึ่งจะทำให้รถ BMW รุ่นต่อๆ ไปเป็นรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ซึ่งได้มีการทดลองติดตั้งใน BMW 7 Series ใหม่ ให้ขับเคลื่อนตัวเองในโรงงาน BMW Group Plant Dingolfing ได้สำเร็จแล้ว
Powered by Froala Editor