2022 ถือเป็นปีที่ BMW เปิดตัวรถแรงรหัส M เยอะมาก เพราะเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 50 ปี ของ BMW M พอดี และแผนการแห่งความแรงนี้ยังคงดำเนินต่อไป ล่าสุด กับแนวคิดยานพาหนะที่ไม่เหมือนใคร BMW XM ยนตกรรมแบบ Standalone M รุ่นแรกของแบรนด์นับตั้งแต่ BMW M1 สปอร์ตเครื่องวางกลางระดับตำนาน BMW ก่อกำเนิดขึ้น โดย BMW วางตำแหน่งให้ XM เป็น SAV (Sports Activity Vehicle) High Performance ขึ้นไปเทียบกับพวกซุเปอร์คาร์ที่ตอนนี้หันมาจับตลาดเอสยูวี
M typical design เรียบหรูที่ดูรู้ทันทีว่าไม่ธรรมดา
ด้วยแนวคิดดีไซน์แบบ M-typical ที่ออกแบบส่วหน้า BMW XM ใหม่ทั้งหมด และไม่ได้หยิบยืมโมเดลอื่น มิติภายนอกของ BMW XM ที่มีขนาดใหญ่และมีแทรกซ์ล้อกว้างที่สุดตั้งแต่สร้างมา ภายนอกของรถเส้นสายที่มีไดนามิก และเสา D ที่ดูบึกบึน พื้นผิวที่เรียบและเหลี่ยมมุมชัดเจน ไฟหน้าคู่สองชั้นกับกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดยักษ์ M KIDNEY รูปทรงแปดเหลี่ยมตกแต่งด้วยกรอบสีทอง ที่ด้านในมีวงแหวน LED ล้อมอีกชั้นสามารถเรืองแสงสว่างยามค่ำคืน สวยทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบเซ็นเซอร์และกล้องที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่นั้นถูกรวมเข้ากับกันชนหน้าอย่างแนบเนียน BMW XM ติดตั้งไฟหน้า LED แบบปรับ ไฟจะแบ่งออกเป็นสองส่วนแยกกัน ไฟสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟด้านข้าง และไฟเลี้ยวรวมอยู่ในองค์ประกอบด้านบนที่บางเฉียบและโค้งมน คล้ายกับใน BMW i7
หรูหรายันเงา
มันเป็นความตั้งใจแต่แรกของทีมดีไซเนอร์อยู่แล้วที่ออกแบบ BMW XM มีเหลี่ยมมุมคมชัด เพราะมันหมายถึงเงาสะท้อน มุมตกกระทบของแสงที่จะเกิดขึ้นรอบตัวรถ ทำให้รถคันนี้ดูมี Dynamic เมื่อเคลื่อนไหว กรอบหน้าต่างและซุ้มล้อที่เป็นเหลี่ยมคมชัดรับกับล้ออัลลอยด์ขนาดใหญ่ 23 นิ้ว ด้วยกราฟิกที่กระจกด้านข้างที่เรียวลงอย่างชัดเจนไปทางด้านหลัง ส่วนท้ายที่บึกบึนมีอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงแรงบันดาลใจที่ส่งต่อมาจาก BMW M1 คือแนวเว้าที่ด้านบนหลังคาด้านหลังของ BMW XM ซึ่งจะเห็นชัดเจนมากในคันต้นแบบ และโลโก้ BMW ถูกสลักไว้ที่กระจกหลังใต้ราวบันไดด้านขวาและด้านซ้าย ดิฟฟิวเซอร์ที่รวมอยู่ในส่วนล่างของกันชนท้ายเป็นสีดำเงาและล้อมรอบด้วยสีทอง ท่อไอเสียคู่ของ BMW XM นั้นสวยลงตัวด้วยปลายท่อไอเสียหกเหลี่ยมเรียงซ้อนกันในแนวตั้ง ภายในหรูล้ำอนาคต
แม้จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกันกับ BMW X7 แต่ BMW XM นั้นสั้นกว่าประมาณ 2 นิ้ว กว้างกว่าและเตี้ยกว่า 3 นิ้ว ทำให้มีความเป็นสปอร์ตมาก และในห้องโดยสารมีเพียง 5 ที่นั่ง ภายในบริเวณค๊อกพิทโดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ผสานลวยลายเส้นทองแดงเอาไว้ การจัดกลุ่มหน้าจอ BMW Curved Display สื่อถึงความเป็นสปอร์ตในตัวรถของ M โดยเฉพาะ ภายในห้องโดยสาร BMW XM มาพร้อมกับโทนสีทูโทนด้วยหนัง Vintage Coffee Merino ผสมผสานกับหนัง Soft Nappa ที่นั่งด้านหลังให้ความสบายและหรูหราแบบ M Lounge กระจกข้างแบบทึบให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะหลังคาแบบ Illuminated Sculptural Prism ลวดลายการบุผนังหลังคาแบบปริซึมที่มี LED ปรับแสงได้ส่องสว่างสร้างบรรยากาศราวกับกำลังเดินทางสู่อนาคต
ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดสุดแรงแบบ M
ขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริดของ BMW XM นั้นเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.4 ลิตร ที่มีพละกำลัง 489 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ทำให้มีพละกำลังรวม 653 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร พละกำลังทั้งหมดส่งผ่านชุเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่มีระบบ M xDrive ขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 - 100 กม./ชม. ในเวลา 4.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 250 กม./ชม. ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 270 กม./ชม. ด้วย M Diver's Package ตัวรถยังมาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 25.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้รถ SUV ทำงานในโหมดไฟฟ้าอย่างเดียวได้ประมาณ 50 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม.
BMW XM จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตในปลายปี 2565 นี้ที่โรงงานของ BMW US Manufacturing Company ในเมือง Greer รัฐเซาท์แคโรไลนาโดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในปี 2566
Powered by Froala Editor
