BMW X5 ครอสโอเวอร์ระดับหรู ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 ภายใต้ชื่อรุ่น E53 ถือเป็นรถอเนกประสงค์คันแรกของ BMW ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ผ่านมา 25 แล้ว BMW X5 ยังคงโลดแล่นทั้งทางดำทางฝุ่น และยังเป็นตำนานที่ยังคงเขียนประวัติศาสตร์ต่อไปเรื่อยๆ!
BMW X5 (E53) (1999–2006) BMW X5 รุ่นแรกสุดเท่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสุดล้ำ BMW ไม่เรียกมันว่า SUV หรอกนะ แต่เรียกว่า "Sports Activity Vehicle" E53 มีให้เลือกหลายรุ่นของเครื่องยนต์ รวมถึงเบนซิน 6 สูบ, 8 สูบ และดีเซล 6 สูบ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขนาด 3.0 ลิตร ไปจนถึง 4.8 ลิตร ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-time ซึ่งให้ความมั่นคงในการขับขี่ในทุกสภาพถนน BMW X5 E53 มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้าในยุคนั้น เช่น ABS, DSC (Dynamic Stability Control), และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control)
BMW X5 (E70) (2006–2013) เป็นรุ่นที่สองของซีรีส์ X5 (E70) ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่พัฒนาขึ้นจาก (E53) ซึ่งมีการปรับปรุงในด้านโครงสร้างและระบบกันสะเทือนเพื่อเพิ่มความมั่นคง ห้องโดยสารของ (E70) ได้รับการปรับปรุงอย่างมากมาย เพื่อเพิ่มความหรูหราและความสะดวกสบาย เช่น การติดตั้งเบาะหนังคุณภาพสูง, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ Dual-zone, ระบบนำทาง iDrive, และระบบเสียงรอบทิศทาง รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ, 8 สูบ และดีเซล 6 สูบ และ 8 สูบ โดยเครื่องยนต์ที่มีขนาดตั้งแต่ 3.0 ลิตรไปจนถึง 4.8 ลิตร ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเป็นมาตรฐานในช่วงแรกของการผลิต และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดในรุ่นที่ปรับปรุงหลังจากปี 2010
BMW X5 (E70) มีรุ่นย่อยที่น่าสนใจคือ BMW X5 M ที่เปิดตัวในปี 2009 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้กำลังสูงถึง 555 แรงม้า ซึ่งเป็นหนึ่งใน SUV ที่เร็วที่สุดในยุคนั้น รวมทั้ง BMW X5 xDrive35d รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับความนิยม ด้วยประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมและความประหยัดน้ำมัน
BMW X5 (F15) (2013–2018) X5 รุ่นที่ 3ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่พัฒนาจากรุ่น 5 Series (F10) โดยใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น อะลูมิเนียม และแมกนีเซียม เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง มีการเพิ่มเติมเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) เข้ามาในสายการผลิต ห้องโดยสารของ (F15) ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มาพร้อมกับวัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้, ไม้จริง และวัสดุโลหะ ระบบ iDrive ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมหน้าจอสัมผัส
BMW X5 (F15) มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว DSC, ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน, ระบบป้องกันการชน, ระบบตรวจจับจุดอับสายตา และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
BMW X5 (F15) มีรุ่นย่อยที่น่าสนใจ BMW xDrive40e รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 313 แรงม้า และสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางสั้นๆ
BMW X5 M (F85) เครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร Twin-Turbo ที่ปรับแต่งพิเศษให้มีกำลังถึง 575 แรงม้า
BMW X5 (G05) ( 2019–ปัจจุบัน) รุ่นที่สี่เปิดตัวในปี 2018 มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ (G05) ใช้แพลตฟอร์ม CLAR (Cluster Architecture) ที่เป็นพื้นฐานเดียวกับรุ่น 7 Series และ 5 Series ทำให้รถมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมากขึ้น พร้อมทั้งการปรับปรุงการจัดการน้ำหนักและการกระจายน้ำหนัก มีเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ xDrive เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น
กระจังหน้าทรงไตคู่ที่ใหญ่ขึ้นและไฟหน้าที่เพรียวบาง ทำให้รถดูโดดเด่นและทันสมัยยิ่งขึ้น มีตัวเลือกการตกแต่งที่หลากหลายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ ระบบ iDrive เวอร์ชันล่าสุดที่มีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และระบบสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงฟังก์ชัน Gesture Control ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบต่างๆ ด้วยการเคลื่อนไหวของมือ ระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension และระบบ Integral Active Steering ทำให้ G05 มีการขับขี่ที่มั่นคงและควบคุมได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมืองหรือในเส้นทางทุรกันดาร
BMW X5 (G05) มีรุ่นย่อยที่น่าสนใจ BMW X5 xDrive45 รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร ควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 389 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางประมาณ 50-80 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับการขับขี่)
BMW X5 M รุ่นสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้กำลังสูงสุด 617 แรงม้า ทำให้ X5 M เป็นหนึ่งใน SUV ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในตลาด สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที
นอกจากนี้ยังมีรุ่น Limited Editions อย่าง BMW X5 Black Vermilion ที่โดดเด่นด้วยสีดำพิเศษและกระจังหน้าสีแดง ผลิตเพียง 350 คันทั่วโลก
ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย การออกแบบที่หรูหราและทันสมัย ทั้งหมดนี้ทำให้ BMW X5 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียมและช่วยให้มันได้รับความนิยมมาตลอดหลายเจเนอเรชั่น
